ขั้นตอนการออกเเบบเว็บไซต์

 วิธีออกแบบเว็บไซต์ 

เว็บไซต์ที่น่าดึงดูดและให้ข้อมูลถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจใดๆ ที่ดำเนินการในปัจจุบัน การ ออกแบบเว็บไซต์อาจดูเหมือนเป็นโครงการที่ยุ่งยาก แต่มีเครื่องมือต่างๆ มากมายที่จะช่วยให้การสร้างเว็บไซต์ของคุณเองเป็นเรื่องง่าย แม้แต่สำหรับผู้เริ่มต้นที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการเขียนโค้ดหรือการ ออกแบบเว็บไซต์ 

เพื่อช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ใหม่ได้ในเวลาไม่นาน เราได้จัดทำคู่มือที่ครอบคลุมนี้เกี่ยวกับวิธีการออกแบบเว็บไซต์ เราจะครอบคลุมทรัพยากรทั้งหมดที่คุณต้องการ ขั้นตอนพื้นฐานของกระบวนการ และเน้นย้ำถึงข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการที่ต้องคำนึงถึง

สิ่งที่คุณต้องมีในการออกแบบเว็บไซต์

ก่อนที่คุณจะ ออกแบบเว็บไซต์ มีบางสิ่งที่คุณจะต้องเตรียมไว้ โดยทั่วไป คุณจะต้องมีตัวสร้างเว็บไซต์ ผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมน และแพลตฟอร์มโฮสติ้งเว็บ (หากคุณเลือกตัวสร้างเว็บไซต์ที่ไม่รวมโฮสติ้งในแพ็คเกจ) คุณจะต้องมีใบรับรอง SSL เพื่อรักษาความปลอดภัยของเว็บไซต์ ระบบจุดขาย (POS) สำหรับการชำระเงิน และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา (SEO) เพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนจะพบคุณ

สิ่งที่คุณต้องมีในการออกแบบ สร้าง และดูแลเว็บไซต์:

เว็บโฮสติ้ง: เนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณต้องใช้พื้นที่ทางกายภาพ และนั่นคือสิ่งที่แพลตฟอร์มเว็บโฮสติ้งทำ พวกเขาจัดเก็บข้อความ รูปภาพ และฐานข้อมูลของคุณเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงได้บนเว็บ

ชื่อโดเมน: ชื่อโดเมนของคุณคือที่อยู่ที่ผู้เยี่ยมชมเห็นในแถบเบราว์เซอร์เมื่อค้นหาคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน ให้รวมชื่อของคุณเข้าไป และหากไม่มีชื่อดังกล่าว ให้เลือกชื่อที่ใกล้เคียงกัน คุณสามารถจดทะเบียนชื่อโดเมนของคุณกับผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนได้ ผู้ให้บริการโฮสติ้งบางรายยังทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการจดทะเบียนโดเมนอีกด้วย ดังนั้นควรหาข้อมูลก่อนซื้อ

ใบรับรอง SSL: เพื่อความปลอดภัยและชื่อเสียงของธุรกิจของคุณ และความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ ให้ขอใบรับรอง Secure Sockets Layer (SSL) จากผู้ให้บริการใบรับรอง SSL

โปรแกรมสร้างเว็บ: ลงทะเบียนใช้โปรแกรมสร้างเว็บไซต์เพื่อสร้างเว็บไซต์ของคุณโดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโค้ด มีเทมเพลตพร้อมฟีเจอร์ที่คุณปรับแต่งได้เพื่อออกแบบเว็บไซต์ที่คุณเลือก

เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหา: ใช้เครื่องมือ SEO ตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อสร้างกลยุทธ์ SEO เพื่อให้เนื้อหาของคุณปฏิบัติตามแนวทางและเทคนิค SEO ขั้นพื้นฐานและเริ่มบรรลุผลลัพธ์ที่คุณต้องการ

จุดขาย: หากคุณกำลังเสนอบริการหรือขายผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีการประมวลผลและรับชำระเงิน คุณจะต้องรวมบริการ POS เข้ากับเว็บไซต์ของคุณ

วิธีออกแบบเว็บไซต์ใน 9 ขั้นตอน

แม้ว่าคุณจะปรับแต่งเว็บไซต์ให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของคุณหรือให้เหมาะกับสไตล์ของคุณ แต่ก็มีการดำเนินการเฉพาะที่ทุกคนที่ต้องการออกแบบเว็บไซต์ต้องทำ ปฏิบัติตามอย่างระมัดระวังเพื่อดูวิธีออกแบบเว็บไซต์ ตั้งแต่การกำหนดจุดประสงค์ของเว็บไซต์ การเลือกแพลตฟอร์มการออกแบบเว็บไซต์ การออกแบบสถาปัตยกรรม การกรอกเนื้อหาที่จำเป็น และการเปิดตัวเว็บไซต์ของคุณ

1. กำหนดจุดประสงค์ของเว็บไซต์

ในการ ออกแบบเว็บไซต์ ที่ให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง คุณจะต้องกำหนดสิ่งที่คุณต้องการจากเว็บไซต์ พิจารณาว่าเหตุใดคุณจึงออกแบบเว็บไซต์ กลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร และคุณกำลังกำหนดเป้าหมายอะไร คุณกำลังพยายามดึงดูดการดาวน์โหลด การขาย การจอง การนัดหมาย การมีส่วนร่วม หรือแม้แต่ผู้ชมจำนวนมากขึ้นหรือไม่

สิ่งสำคัญคือคุณต้องรู้จุดประสงค์ของเว็บไซต์ที่ต้องการอย่างชัดเจน การรู้จุดประสงค์จะช่วยให้คุณใช้กลยุทธ์เนื้อหาที่ถูกต้อง และช่วยแนะนำคุณในการเลือกแพลตฟอร์ม ธีม และสถาปัตยกรรมหน้าที่เหมาะสม

2. เลือกแพลตฟอร์มของคุณ

เมื่อคุณทราบเหตุผลที่คุณสร้างเว็บไซต์ คุณสามารถดูเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีที่สุดได้ เครื่องมือ DIY เหล่านี้จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง แม้ว่าคุณจะไม่รู้โค้ดเลยก็ตาม และยังมีเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ เช่น อีคอมเมิร์ซ บล็อก และพอร์ตโฟลิโอ

เครื่องมือสร้างเว็บไซต์มีเทมเพลตที่ปรับแต่งได้สำหรับการเพิ่มข้อความและรูปภาพของคุณ และหลาย ๆ เครื่องมือยังดูแลการลงทะเบียนโดเมนและการโฮสต์ด้วย แต่คุณจะต้องใช้อินเทอร์เฟซแบบลากและวางเพื่อออกแบบหน้าเว็บไซต์แต่ละหน้าด้วยตัวเอง ดังนั้น เลือกเครื่องมือที่เหมาะกับจุดประสงค์ของไซต์ของคุณ

3. รวบรวมองค์ประกอบของแบรนด์ของคุณ

องค์ประกอบคือรายละเอียด เช่น สี แบบอักษร และรูปภาพที่เชื่อมโยงเว็บไซต์ของคุณเข้าด้วยกัน ดังนั้นในการออกแบบไซต์ของคุณ ให้พิจารณาถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ของคุณ

เริ่มต้นด้วยรูปแบบสี โดยใช้สีหลักและสีเสริมหนึ่งหรือสองสี จากนั้น เลือกสไตล์ข้อความที่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ ตัวอย่างเช่น เซอริฟแสดงถึงความเป็นทางการและอำนาจ ซานเซอริฟ ความทันสมัยและสคริปต์ และความคิดสร้างสรรค์

นอกจากนี้ ให้เพิ่มรูปภาพเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ แต่ต้องแน่ใจว่ามีความเกี่ยวข้องและมีคุณภาพสูง เพื่อให้สร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้ใช้ได้

4. เลือกเทมเพลตหรือธีม

ถัดไป เลือกธีมหรือเทมเพลต ซึ่งเป็นเค้าโครงของไซต์ของคุณ โดยรูปภาพ ข้อความ และปุ่มต่างๆ จะปรากฏบนไซต์ของคุณ ธีมเป็นเค้าโครงที่ออกแบบไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยให้คุณออกแบบไซต์ได้ แม้แต่ในฐานะผู้เริ่มต้น

แพลตฟอร์มส่วนใหญ่มีเทมเพลตมากมายที่แบ่งออกเป็นหมวดหมู่ และแต่ละหมวดหมู่มีคุณลักษณะในตัวที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเฉพาะ ดูตัวอย่างเพื่อเลือกอันที่เกี่ยวข้องกับไซต์ของคุณมากที่สุด

โปรดทราบว่าหากคุณเลือกสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress คุณจะต้องใช้เว็บโฮสติ้งจากผู้ให้บริการโฮสติ้งบุคคลที่สาม เช่น Bluehost หรือ Hostinger และติดตั้ง WordPress ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถเข้าถึงแดชบอร์ดผู้ดูแลระบบ WordPress ติดตั้งธีม และนำเข้าเนื้อหาตัวอย่างสำหรับธีมพรีเมียมได้

5. สร้างแผนผังไซต์ของคุณ

เพื่อให้การออกแบบง่ายขึ้น ให้จินตนาการถึงหน้าต่างๆ ที่จะปรากฏบนเว็บไซต์ของคุณและวิธีที่หน้าต่างๆ จะเชื่อมโยงถึงกัน ตัวอย่างเช่น การรู้ว่าจะมีหน้าต่างๆ กี่หน้าบนเว็บไซต์ของคุณ เนื้อหา และเค้าโครงทั่วไป หมายความว่าคุณจะมีแนวทางในการทำงานเมื่อคุณเริ่มออกแบบแต่ละส่วน

6. ออกแบบองค์ประกอบแต่ละส่วนของไซต์

ด้วยเทมเพลตหรือธีมและแผนผังเว็บไซต์ ขั้นตอนต่อไปคือการเริ่มออกแบบองค์ประกอบแต่ละส่วนของไซต์ เช่น เมนู (หรือการนำทางไซต์) ส่วนหัวและส่วนท้าย แถบค้นหา และองค์ประกอบเพิ่มเติมใดๆ ที่คุณต้องการให้ไซต์มี การใช้องค์ประกอบต่างๆ เช่น ต่อไปนี้จะสร้างโครงสร้างให้กับเว็บไซต์ของคุณ ทำให้นำทางได้ง่าย

เมนู: องค์ประกอบนี้แสดงรายการที่นำเสนอบนเว็บไซต์ของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถเข้าถึงได้ในทุกหน้าและแสดงเพียงไม่กี่รายการ คุณไม่ต้องการรวมหน้าจอของผู้เยี่ยมชม

ส่วนหัวและส่วนท้าย: องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ ส่วนหัวควรมีคุณสมบัติ เช่น เมนูการนำทางและโลโก้ของคุณ ซึ่งคุณต้องการให้ผู้เยี่ยมชมค้นหาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนท้ายควรให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลการติดต่อและเงื่อนไขการบริการ

แถบค้นหา: ใช้แว่นขยายหรือกล่อง แต่ให้วางไว้ที่ส่วนที่โดดเด่นของทุกหน้า มุมบนซ้ายหรือมุมขวาบนมักจะดีที่สุด

7. ปรับแต่งหน้าเว็บของคุณ

เนื้อหาของคุณขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของไซต์ของคุณ ดังนั้นคุณจึงปรับแต่งให้เหมาะกับคุณได้ อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์ทุกแห่งควรมีหน้าเว็บต่อไปนี้

โฮมเพจ: ผู้เยี่ยมชมทุกคนเข้ามาที่นี่ ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ดีในการสรุปเว็บไซต์ของคุณ ใส่โลโก้ของคุณ ชื่อธุรกิจ สิ่งที่ผู้อ่านควรคาดหวังจากคุณ และเมนูการนำทางที่ทำให้การเรียกดูไซต์ของคุณเป็นเรื่องง่าย ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บนี้ได้รับการจัดระเบียบและสะดุดตา หน้าผลิตภัณฑ์หรือบริการ: หน้านี้ควรบอกผู้เยี่ยมชมว่าคุณกำลังเสนออะไรให้พวกเขาและให้พวกเขาซื้อสินค้า สำหรับไซต์อีคอมเมิร์ซ ให้สร้างหน้าสำหรับแสดงแค็ตตาล็อกและอีกหน้าหนึ่งสำหรับแสดงรายการแต่ละรายการโดยละเอียด

หน้าเกี่ยวกับ: หน้านี้ควรแนะนำคุณให้ผู้เยี่ยมชมรู้จัก บอกเล่าเรื่องราวของคุณ สื่อสารคุณค่าของคุณ และเน้นย้ำถึงสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากแบรนด์อื่น

หน้าบล็อก: หากคุณตั้งใจจะใช้บล็อกเป็นกลยุทธ์การตลาดเนื้อหา คุณต้องสร้างหน้านี้ซึ่งจะแสดงข้อความสั้นๆ ของโพสต์บล็อกที่เผยแพร่ จากนั้นผู้ใช้สามารถคลิกโพสต์ที่พวกเขาสนใจได้

หน้าติดต่อ: แจ้งให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ทราบว่าจะติดต่อคุณได้อย่างไร อาจเป็นทางโทรศัพท์ อีเมล หรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ คุณยังสามารถใส่ที่อยู่ทางกายภาพของคุณ วิดเจ็ตแชทสด และแบบฟอร์มติดต่อได้

หน้าอื่นๆ ที่คุณสามารถเพิ่มได้:

หน้า 404 ที่กำหนดเอง: เมื่อผู้เยี่ยมชมไปที่หน้าที่ไม่มีอยู่ในเว็บไซต์ของคุณ คุณควรนำพวกเขาไปที่หน้าที่แสดง "ข้อผิดพลาด 404" คุณสามารถปรับแต่งหน้าของคุณเพิ่มเติมเพื่อใส่โลโก้ของคุณ ลิงก์ไปยังหน้าแรกของคุณ หรือข้อความสบายๆ เช่น "ยินดีด้วย! คุณพบหน้าข้อผิดพลาดของเราแล้ว!”

หน้าคำถามที่พบบ่อย: หน้าเพจนี้มีไว้สำหรับตอบคำถามทั่วไปที่ผู้เยี่ยมชมอาจสงสัย เพื่อไม่ให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ต้องติดต่อคุณ

คำรับรอง: นี่คือโอกาสของคุณที่จะอวดผลงานของคุณ รวมถึงบทวิจารณ์จากลูกค้าก่อนหน้าที่รับรองว่าคุณช่วยพวกเขาได้อย่างไร นอกจากนี้ ให้แสดงแบรนด์ที่เชื่อถือได้ซึ่งมอบรางวัลหรือเขียนเกี่ยวกับคุณ

8. ทดสอบและเปิดตัวเว็บไซต์ของคุณ

ก่อนที่เว็บไซต์ของคุณจะเปิดใช้งาน ให้ทดสอบเวลาในการโหลด ความสามารถในการอ่านเนื้อหา การเชื่อมโยงและการตอบสนองของอุปกรณ์พกพา แบบฟอร์มติดต่อ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ขอให้สมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการออกแบบเว็บไซต์ของคุณ หากไม่มีปัญหาใดๆ ก็ดำเนินการเผยแพร่เว็บไซต์ของคุณได้เลย

นอกจากนี้ ให้อัปเดตเว็บไซต์ของคุณอย่างต่อเนื่องตามประสิทธิภาพ แนวโน้ม และการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน

https://www.orange-thailand.com/service_WebDesign-Portfolio.php?type=Business